สวัสดีค่ะ วันนี้เราขอนำท่านไปชมประเทศตุรกี ดินแดนแห่งสองทวีป ที่มีดินแดนติดต่อกันทั้งยุโรปและเอเชีย และยังมีพรมแดนติดต่อถึง 8 ประเทศ ได้แก่ ประเทศซีเรีย อิรัก อิหร่าน อาร์มีเนีย อาเซอร์ไบจาน จอร์เจีย บัลแกเรีย กรีซ
เมืองแรกที่เราจะพาท่านไปชมคือ "เมืองอิสตันบูล (İstanbul)"
เดิมชื่อ คอนสแตนติโนเปิล เป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในประเทศตุรกี ตั้งอยู่บริเวณช่องแคบบอสฟอรัสซึ่งทำให้อิสตันบูลเป็นเมืองสำคัญเพียงเมืองเดียวในโลกที่ตั้งอยู่ใน 2 ทวีป คือ ทวีปยุโรป (ฝั่ง Thrace ของบอสฟอรัส) และทวีปเอเชีย (ฝั่งอานาโตเลีย)
สถานที่ท่องเที่ยวที่ถือว่าเป็นไฮท์ไลท์ของที่นี่คือ “บลูมอสก์” (Blue Mosque) หรือสุเหร่าสีน้ำเงิน
สุเหร่าสีน้ำเงิน (BLUE MOSQUE) สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนา ที่มีความสวยงามแห่งหนึ่ง ชื่อนี้ได้มาจากกระเบื้องเคลือบสีน้ำเงินที่ใช้ปูตลอดแนวฝาผนังด้านในและถูกสร้างขึ้นบนพื้นที่ ซึ่งเคยเป็นวังของจักรพรรดิไบเซนไทน์ โดยสุลต่านอาหเม็ตที่ 1 ค.ศ. 1609 ใช้เวลาสร้างทั้งหมด7 ปี
โบสถ์เซนต์โซเฟีย (St. Sophia)
โบสถ์เซนต์โซเฟีย (St. Sophia) ซึ่งเป็นศิลปะแบบไบแซนไทม์ ได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ สร้างขึ้นสมัยจักรพรรดิคอนสแตนติน ของจักรวรรดิไบแซนไทม์ เดิมใช้เป็นโบสถ์คริสต์แต่หลังจากจักรวรรดิออตโตมันเข้ามาปกครองจึงได้เปลี่ยนโบสถ์ดังกล่าวมาเป็นมัสยิด แต่ได้เปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติในสมัย เคมาล อะตาเติร์ก หลังจากที่เป็นโบสถ์ในศาสนาคริสต์เป็นเวลากว่า 916 ปี และเป็นมัสยิดของศาสนาอิสลามอีกกว่า 447 ปี ปัจจุบันเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมความงามและความยิ่งใหญ่ ภายในมีภาพประดับโมเสกทองที่สมบูรณ์บ่งบอกถึงความศรัทธาอันแรงกล้าของจักรพรรดิคอนสแตนตินที่มีต่อคริสต์ศาสนา
เมืองต่อมานั่นคือ เมืองปามุคคาเล่ (PAMUKKALE)
เมืองปามุคคาเล่ (PAMUKKALE) หรือปราสาทปุยฝ้าย เมืองที่มีน้ำพุเกลือแร่ร้อนไหลทะลุขึ้นมาจากใต้ดินผ่านซากปรักหักพังของเมืองเก่าแก่สมัยกรีกก่อนที่ไหลลงสู่หน้าผาผลจากการไหลของน้ำพุเกลือแร่ร้อนนี้ได้ก่อให้เกิดทัศนียภาพของน้ำตกสีขาวเป็นชั้นๆหลายชั้นและผลจากการแข็งตัวของแคลเซียมทำให้เกิดเป็นแก่งหินสีขาวราวหิมะขวางทางน้ำเป็นทางยาว ซึ่งมีความงดงามมาก ปามุคคาเล่ ได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโก้ให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติและวัฒนธรรมในปี ค.ศ. 1988
และเมืองที่ขึ้นชื่อที่สุด ถือเป็นจุดเด่นของตุรกีเพราะเป็นเมืองที่มีบอลลูนที่มีชื่อเสียงระดับโลก นั่นก็คือ เมืองคัปปาโดเจีย
เป็นเมืองที่อยู่ระหว่างทะเลดำกับภูเขาเทารุส เป็นดินแดนที่มีภูมิประเทศอันน่าอัศจรรย์ซึ่งเกิดจากลาวาภูเขาไฟที่ไหลออกมาปกคลุมพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง แล้วทับถมเป็นเวลาหลายล้านปี เมื่อวันเวลาผ่านไป พายุ ลม ฝน และหิมะได้เป็นกัดเซาะแผ่นดิน มาเรื่อยๆ ก่อให้เกิดการแปรสภาพเป็นหุบเขาร่องลึก เนินเขา กรวยหินและเสารูปทรงต่างๆ เกิดเป็นภูมิประเทศที่งดงาม แปลกตาและน่าอัศจรรย์ ดั่งสวรรค์บนดิน จนได้ชื่อว่า “ดินแดนแห่งปล่องนางฟ้า” และได้รับการแต่งตั้งจากองค์การยูเนสโกให้เป็นเมืองมรดกโลกทางธรรมชาติและวัฒนธรรมแห่งแรกของตุรกี
นครใต้ดิน (underground city)
นครใต้ดิน (underground city) ซึ่งเกิดจาการขุดเจาะพื้นดินลงไป 10 กว่าชั้น เพื่อใช้เป็นที่หลบภัยจากข้าศึกศัตรูในยามสงคราม ของชาวคัปปาโดเจียในอดีต โดยทั้งจากชาวอาหรับจากทางตะวันออกที่ที่ต้องการเข้ามายึดครองดินแดนนี้เพื่อประโยชน์ทางการค้า และชาวโรมันจากทางตะวันตก ด้วยเหตุผลเดียวกัน รวมทั้งต้องการที่จะหยุดยั้งการเผยแพร่ศาสนาคริสต์ในดินแดนแถบนี้ด้วย โดยชั้นล่างที่ลึกที่สุด ลึกถึง 85 เมตร
เมืองใต้ดินแห่งนี้มีครบทุกอย่าง ทั้งห้องโถง, ห้องนอน, ห้องน้ำ, ห้องถนอนอาหาร, ห้องครัว, ห้องอาหาร, โบสถ์, ทางหนีฉุกเฉิน ฯลฯ แม้จะเป็นเมืองขนาดใหญ่ที่ขุดลึกลงไปใต้ดินหลายชั้น แต่ว่าอากาศในนั้นถ่ายเทเย็นสบาย หน้าร้อนอากาศเย็น หน้าหนาวอากาศอบอุ่น มีอุณหภูมิเฉลี่ย 17-18 องศาเซลเซียส และด้วยการออกแบบที่ดี มีทางออกฉุกเฉินที่เป็นทางระบายอากาศไปในตัส ทำให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก
และก็มาถึงเวลาที่ทุกคนรอคอย สำหรับการขึ้นบอลลูน ที่ถือเป็นไฮท์ไลท์ของตุรกี(ค่าขึ้นราคาประมาณ 200 USD)
โดยทางทีมงานจะสูบแก๊สเข้าไปในบอลลูนจนเต็ม แล้วค่อยๆลอยขึ้นฟ้า ทั้งนี้การขึ้นบอลลูนจะมีนักบินคอยยอธิบายกฎเกณฑ์ต่างๆ
![](/ckfinder/userfiles/images/IMG_7757.JPG)
ถือเป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิต ถ้าใครมาตุรกีแล้วไม่ได้ขึ้นแสดงว่ายังมาไม่ถึง การขึ้นบอลลูนนั่นนับเป็นสุดยอดไฮท์ไลท์ของตุรกีเลยทีเดียว
หมายเหตุ : แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การขึ้นไปบนบอลลูนต้องขึ้นอยู่กับสภาพอากาศของแต่ละวัน
ดูโปรแกรมตุรกี กด